เรื่อง แพทย์ผิวหนังชี้ ปัญหาผิวหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย เนื่องจากช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องใช้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อ โดยวิธีการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องคือไม่ควรหลวมหรือแน่นเกินไป ควรเลือกหน้ากากอนามัยที่กระชับกับใบหน้า และครอบคลุมทุกส่วนของจมูก แก้ม และคาง ไม่ควรมีการรั่วบริเวณหน้ากากและผิวหนัง ที่สำคัญการใส่หน้ากากอนามัยใต้จมูกไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม การใส่หน้ากากอนามัยอาจก่อให้เกิดปัญหาทางโรคผิวหนังได้ อาทิ ๑) ปัญหาผิวหนังอักเสบบริเวณสายคล้องหู เป็นการระคายเคืองจากการเสียดสี และเหงื่อเช่นเดียวกับผิวหน้า ควรเลือกหน้ากากอนามัยที่กระชับพอดี ไม่รัดแน่น หรือหลวมเกินไป ปัจจุบันมีอุปกรณ์เพื่อช่วยไม่ให้สายคล้องหูรัดมากเกินไป แนะนำเลือกใช้เสริมได้ หากมีการอักเสบต่อเนื่องหรือค่อนข้างมาก ควรพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับยาลดการอักเสบที่เหมาะสม ๒) ปัญหาผิวหน้าอักเสบ เกิดจากการระคายเคือง เมื่อต้องใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน นอกจากนี้จากสภาพอากาศที่ร้อนก็ทำให้สภาพผิวหนังอ่อนแอลง และเกิดการระคายเคืองได้ ทั้งจากการสัมผัสเสียดสี และจากสารเคลือบหน้ากาก ไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยแบบหลวม เพราะจะไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้และต้องระมัดระวังอย่าให้เหงื่อออกมาก และเปลี่ยนหน้ากากอนามัยเมื่อเริ่มเปียกชื้น ข้อแนะนำควรใช้ครีมบำรุงผิวให้ผิวหน้าแข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำให้หน้าขาว เนื่องจากอาจมีส่วนประกอบที่ระคายผิว ควรเลือกครีมกันแดดกับครีมบำรุงผิวที่ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ๓) ปัญหาสิว เกิดจากการเสียดสีของหน้ากากอนามัยกับใบหน้า และผดที่เกิดจากความร้อน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ข้อแนะนำควรใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เหมาะกับผิวบุคคลนั้นจะช่วยทำให้อาการดีขึ้นได้
ข่าว ณ. วันที่ 1 ก.ย. 2563 เวลา 12.11 น. โดย เกศสยา สุนทรธิต
ผู้เข้าชม 203 ท่าน |